![]() |
เทศกาลตรุษจีน
หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน
เป็นโอกาสที่ชาวจีนทั่วโลกจะได้เฉลิมฉลองร่วมกันในครอบครัว
ไฮไลท์อย่างหนึ่งสำหรับเทศกาลนี้คือโต๊ะไหว้ที่มักจัดกันในวันสิ้นปี
ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 9
กุมภาพันธ์
ธรรมเนียมการไหว้ตรุษจีนในประเทศไทยประกอบด้วยการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิในช่วงเช้าตรู่
ไหว้บรรพบุรุษในช่วงสาย
ไหว้สัมภเวสีในช่วงบ่าย
และไหว้รับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยในตอนดึก
ซึ่งในแต่ละรอบจะใช้เครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ
กัน
• หมู
หมายถึงความอุดมสมบูรณ์มีกินมีใช้ไม่ขาดแคลน
• เป็ด
หมายถึงความบริสุทธิ์สะอาด
• ไก่
เป็นตัวแทนของความขยันขันแข็ง
ความเป็นสิริมงคล
• ปลา
เป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์
• ตับ
ในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่าขุนนาง
จึงหมายถึงอำนาจวาสนา
นอกจากเนื้อสัตว์
การไหว้เทพเจ้ายังประกอบด้วยของหวานและผลไม้
ซึ่งไม่ได้ระบุจำนวนไว้แน่ชัดเหมือนเนื้อสัตว์
แต่มักเลือกใช้ผลไม้ที่มีชื่อเป็นมงคล
เช่น กล้วย ส้ม แอปเปิ้ล สาลี่ องุ่น
สับปะรด
ในส่วนของของหวานที่นิยมในเทศกาลปีใหม่
คือขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมถ้วยฟู ขนมสาลี่
และจันอับ
• กล้วย
มีลักษณะคล้ายนิ้วมือ
เป็นการกวักโชคลาภเข้ามา
• ส้ม แทนความโชคดี
• แอปเปิ้ล สันติสุข
• สาลี่
เงินทองไหลมาเทมาเหมือนสีของสาลี่
• องุ่น
ความเจริญงอกงาม
• สับปะรด
พ้องเสียงกับคำว่าให้โชคลาภมาหา
• ขนมเข่ง
หมายถึงความมั่งมี ความอุดมสมบูรณ์
และร่ำรวย
• ขนมเทียน
หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง
• ขนมถ้วยฟู
หมายถึงความมีชื่อเสียง
• จันอับ
มีความสุขตลอดไป
การไหว้บรรพบุรุษในตอนสายจะไหว้ด้วยอาหารคาวหวาน
ผลไม้ กระดาษเงินกระดาษทอง ชุดกงเต๊ก
ซึ่งเครื่องเซ่นไหว้ในส่วนนี้มักเลือกที่บรรพบุรุษชอบแต่ให้มีความหมายที่เป็นมงคล
การไหว้สัมภเวสี
เป็นการทำทานให้กับผีไม่มีญาติ
มักใช้อาหารจากช่วงเช้า
ปิดท้ายด้วยการจุดประทัดเพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคล
การไหว้รับเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ยในตอนดึก
เป็นการไหว้เพื่อขอโชคลาภ โดยใช้ขนมอี้,
ผลไม้มงคล 5 อย่าง , อาหารเจ ข้าวสวย
และน้ำชา